ซุ้ม Baldacchino

Baldacchino


ที่ตั้งเหนือหลุมศพจริงของเซนต์ปีเตอร์ หลุมศพท่านอยู่ที่นี่มาก่อนแล้วจนกระทั่งโรมันหมดอำนาจ กษัตริย์แห่งโรมหันมานับถือศาสนาคริสต์เอง จึงให้มีการก่อสร้างโบสถ์ครอบหลุมศพเซนต์ปีเตอร์ที่นี่ เพื่อเป็นการยกย่องและเชิดชูท่าน และนั่นคือจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของศาสนจักรในเวลาต่อมา การสร้างโบสถ์นี้ไม่ง่ายมีอุปสรรคมาก สุดท้ายคนที่ออกแบบ Basilica di San Pietro แห่งนี้ก็คือไมเคิลแองเจลโล ที่มีโอกาศเห็นแค่การสร้างฐานราก มหาวิหารนี้มาสร้างต่อโดยศิลปินเอกอีกท่านนาม Bernini ประติมากรรมเซนต์ปีเตอร์ภายในมหาวิหาร ท่านถือกุญแจในมือ ผู้คนนิยมมาลูบหรือจุมพิตแทบเท้า และตั้งจิตอธิษฐาน เซนต์ปีเตอร์เป็นอัครสาวกเอกของพระเยซู ในยุคโรมันเรืองอำนาจท่านเองก็เป็นบุคคลหนึ่งที่เสียชีวิตเนื่องจากการ ต่อสู้เพื่อศาสนาคริสต์ ยุคนั้นใครนับถือคริสต์ถือว่าเป็นคนนอกรีด ท่านเสียชีวิตจากการถูกตรึงบนกางเขน แต่ท่านขอถูกตรึงในลักษณะกางเขนที่กลับทิศกับของพระเยซูเนื่องจากท่านว่าไม่ มีใครเสมอเหมือนพระเยซูได้ และโรมันก็ปฏิบัติตามคำขอนั้น

มีคนเปรียบว่า ถ้าประตูบรอนซ์ Florence Baptistery (ที่อยู่ตรงข้าม Florence Duomo) คือตัวจุดประกายศิลปะเรเนอซองส์แล้วไซร้Baldacchino ก็ถือเป็นต้นกำเนิดของศิลปะสไตล์บาโร้กเช่นกัน ด้วยความเว่อร์อลังเหลือกำลังลากของมันเพราะที่เห็นๆนี่ ไม่ใช่ไม้ทาสีนะขอรับ แต่เป็นทองเหลืองทั้งดุ้น แถมยังประดับประดาไปด้วยลวดลายพฤกษาสีทองอร่ามอีกส่วนผึ้งน้อยที่รายรอบหลังคาของ Baldacchino เป็นสัญลักษณ์ของตระกูล Barberini ต้นตระกูลของพระสันตะปาปา Urban VIII ผู้มีรับสั่งให้ Bernini สร้าง Baldacchino นี่ขึ้นมานั่นเอง





ด้านหลัง Baldacchino เป็น Cathedra Petri สุดทองอร่ามซึ่งออกแบบโดย Bernini จริงๆแล้ว Cathedra Petri หรือ Throne of St. Peter ไม่ใช่บัลลังก์ของเซ็นต์ปีเตอร์ แต่เป็นบัลลังก์เก่าแก่ของพระสันตะปาปา ที่มีมาตั้งกะปีคศ. 875 แบร์นินี่คงเกรงว่าเอาบัลลังก์มาตั้งไว้เฉยๆมันจะไม่สมศักดิ์ศรี เลยสร้างฉากหลังเป็นม่านเมฆทองคำ ที่เหล่านางฟ้าเทวดามารายล้อมแสงเฮ้ากวงจากนกพิราบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Holy Spirit

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น